2. สวนป่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นสวนของพระเจ้าแผ่นดิน จะมีการปลูกไม้นานาชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ผล ไม้ประดับ ไว้ในสวน ในสมัยสุโขทัยจะมีสวนในรูปแบบนี้ ชื่อ “อรัญญิก” ในสมัยอยุธยา คือ “สวนหลวงสบสวรรค์” ส่วนในสมัยรัตนโกสินทร์ คือ “สวนสราญรมย์” ซึ่งตั้งอยู่ข้างพระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน
3. สวนไม้ดัด เป็นสวนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความงดงามไม่แพ้บอนไซของญี่ปุ่น สวนไม้ดัดไทยนี้จะต้องใช้ความอดทน ความพยายามและมีใจรักในงานศิลปะ จึงจะสามารถปลูกไม้ดัดให้มีรูปทรงสวยงามได้ โดยไม้ดัดดังกล่าวเกิดจากการนำต้นไม้ เช่น ตะโก ข่อย มะขาม มะนาวเทศ ชาและโมกข์ มาปลูกในกระถาง เลี้ยงโดยให้อาหารและน้ำน้อย ๆ จากนั้นก็ตัดแต่งกิ่งให้เป็นพุ่มตามต้องการ
4. สวนสมุนไพร ส่วนใหญ่จะปลูกในวัด ซึ่งเป็นที่รวมของศิลปะวิทยาการต่าง ๆ เช่น วัดโพธิ์ท่าเตียน ที่มีการปลูกสมุนไพรในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ พร้อมแผ่นจารึกตำรายา
5. สวนน้ำ ในสมัยก่อนตามเขตหัวเมืองต่าง ๆ เมื่อมีการสร้างบ้าน ถ้าไม่ได้อยู่ริมน้ำก็จะมีการขุดสระน้ำ คู บ่อ สำหรับเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยจะมีการปลูกบัวไว้เพื่อช่วยกรองน้ำให้ใส เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและยังเก็บสายบัวมาทำเป็นอาหารได้อีกด้วย ปัจจุบันจึงมีการประยุกต์นำสวนน้ำมาตกแต่งบ้านเรือน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับบ้าน
6. สวนบนเรือน จะนำไม้มาปลูกในกระถาง เช่น ไม้ดัด ไม้แคระ ฯลฯ จากนั้นนำมาตั้งบนเรือนตามปากประตูนอกชาน บางทีก็มีการทำแคร่ไม้เป็นชั้น ๆ เหมือนขั้นบันได ลดหลั่นกัน เพื่อวางกระถางต้นไม้ประดับบนชานเรือน
7. สวนไม้ใหญ่ เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของสวนไทยที่ต้องมีการปลูกไม้ใหญ่ เช่น โพธิ์ กระทิง ลั่นทม โดยจะพบสวนแบบนี้ตามลานวัดเพื่อให้ร่มเงา โดยอาจมีการนำตุ๊กตาดินปั้นที่แสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนมาตั้งประดับเพิ่มเติม
8. สวนสากล เป็นลักษณะของสวนไทยในปัจจุบันที่รวบรวมเอาสวนของประเทศต่าง ๆ เช่น สวนญี่ปุ่น สวนจีน สวนอังกฤษหรือสวนฝรั่งเศส เข้าไว้ในสวนเดียวกัน โดยมีการแบ่งแยกการตกแต่งออกเป็นส่วน ๆ อย่างชัดเจน
จะเห็นได้ว่า ลักษณะของสวนไทยทั้ง 8 แบบนั้น มีความ เหมาะสมกับภูมิประเทศและภูมิอากาศของเมืองไทยเป็นอย่างดี ถ้านำสวน แบบต่าง ๆ นี้มาประยุกต์จัดตกแต่งในบ้าน นอกจากจะให้ความสดชื่นร่มเย็น ยังสามารถเก็บดอกเก็บผลมาใช้ประโยชน์ได้อีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น